
วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559
รู้ไหม? โพสผ่านสื่อออนไลน์ก็ติดคุกได้โดยไม่รู้ตัว
รู้ไหม? โพสผ่านสื่อออนไลน์ก็ติดคุกได้โดยไม่รู้ตัว
ช่วงหลังนี้พอเรามีระบบอินเตอร์เน็ต
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ใช้มากขึ้น สะดวกขึ้น
และทำโน้นทำให้ได้มากขึ้นก็ทำให้หลายคน เกิดนึกสนุกทำอะไรแปลกๆ
บ้าๆบอๆเพราะคิดว่ามันคือความสร้างสรรค์ให้คนขบขันได้
แต่หลายๆครั้งกฎหมายก็ไม่ได้ตลกด้วยนะจ๊ะ เขาเอาเรื่องจนมีโทษจนหงายการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ทันกันเลยทีเดียว
มาดูกันว่าทำอะไรแล้วมีความผิดได้บ้าง
มาดูในรูปแบบแรกนะครับคือการโพสข้อความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลต่างๆ
ว่าสิ่งใดที่ทำแล้วผิด พรบ.คอมพิวเตอร์บ้างนะคะ
1.โพสข้อมูลปลอม เอาข้อมูลที่มีอยู่มาแก้ไขและเผยแพร่
เช่น เอาประกาศของราชการมา Photoshop สุดฤทธิ์แล้วเที่ยวไปบอกคนอื่นว่าเป็นเอกสารจริง
แล้วเกิดความเสียหายเข้าใจผิดเต็มไปหมด อันนี้โดนแน่ๆ
2.โพสข้อมูลเท็จทำให้คนตกใจหรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงต่อประเทศ
เช่น Twitter บอกชาวบ้านว่า อิฉันเจอระเบิดที่สนามบินนะคะ
หรือไปถ่ายรูปกับรถถังแล้วสร้างเรื่องเป็นตุเป็นตะว่าจะมีการปฏิวัติรัฐประหาร
อันนี้โดนจับไปปรับทัศนคติแน่นอน ไม่ควรทำครับ
3.โพสข้อมูลที่ทำให้มีผลต่อความมั่นคงหรือเป็นเรื่องการก่อการร้าย
เช่น โพสว่าระวังไว้นะพวกแก ฉันจะวางระเบิดปาเต้ยกะทีที่บาร์เกย์ หรือ
ถ่ายรูปปืนแล้วโพสว่าจะยิงตำรวจ บางทีเราคิดว่าโพสเล่นๆไม่มีคนเห็นเยอะๆ
แต่ถ้าเกิดประเด็นนี่แย่เลยนะ
4.โพสรูปภาพ ข้อความ และวีดีโอลามกอนาจาร เช่น โพสรูปใน
Facebook ของตัวเองแล้วบอกว่าของผมเองครับ
นัดเจอกันได้นะครับ แล้วก็อย่าไปเปรี้ยวโพสข้อความลามกแบบนี้กับคนที่เราชอบหน้า Wall
Facebook เขาด้วยล่ะ
5.เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูล ตั้งแต่ข้อ 1-4 ที่กล่าวมาขั้นต้น
บรรดานักแชร์ทั้งหลายก็ต้องระวังข้อมูลที่เป็นเท็จด้วยนะครับ
บางทีเราแชร์ไปแบบไม่รู้ก็มีความผิดได้เหมือนกัน
ในข้อ 1 ถึง ข้อ 5 นี้มีโทษจำคุกไม่เกิน
5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือ
ทั้งจำทั้งปรับและไม่สามารถยอมความได้เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงและศีลธรรมอันดีของบ้านเมืองค่ะ
ขอแถมอีกข้อ บางทีการเล่นสนุกกันระว่างเพื่อนฝูงก็อาจจะทำให้ผิด
พรบ.คอมพิวเตอร์ได้เช่นกัน
6.การตัดต่อรูปภาพ ทำให้คนอื่นเสียชื่อเสียง
รู้สึกอ๊ายอาย ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลีดชังอีกต่างหาก
เช่น อยู่ๆเอารูปหัวคู่อริไปตัดต่อแล้วใส่หัวหมา หรือ
เอาไปใส่ในหน้าพระเอกหนังโป๊ะ ทำให้เขาไม่พอใจ
เอาเรื่องเป็นคดีความได้เช่นกันนะครับ กรณีนี้มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่น หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
แต่ถ้าเราไปขอโทษขอโพย กราบงามๆให้เขายกโทษให้ก็ยอมความกันได้นะจ๊ะ
ทุกคนก็พอจะเห็นแล้วนะครับว่าการเล่นคอมพิวเตอร์และสื่อออนไลน์นั้นถ้าเราเล่นด้วยความสนุกแต่ทำให้เกิดความวุ่นวายต่อปประเทศและทำให้คนอื่นเสียหายก็มีความผิดทางอาญาได้
คิดก่อนโพสก่อนแชร์นะคะ ^_^
อ้างอิง : http://finlawtech.com/social-imprison/
กฏหมายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์
ในประเทศไทยการกำหนดลิขสิทธิ์ได้ปรากฏครั้งแรกราว พ.ศ.2445 ในรัชกาลที่ 5
เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรม (Literacy) เรื่อง
“วัชิรญาณวิเศษ” และได้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายใหม่ในปี
พ.ศ.2457 สมัยรัชกาลที่ 6
โดยยังคงเน้นงานด้านวรรณกรรม ต่อมาในปีพ.ศ.2474
สมัยรัชกาลที่ 7 ได้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายฉบับนี้มีความสมบูรณ์ครอบคลุมงานอื่น
ๆ อีกเช่น
งานคิดค้นทางวิทยาศาสตร์และผลงานของชาวต่างชาติแก่กฎหมายฉบับนี้มีบทลงโทษในสถานเบา
ในปีพ.ศ.2521 ได้เพิ่มงานสื่อภาพ เสียง
และวีดีโอให้ครอบคลุมของกฎหมาย จากนั้นอีก 15 ปี คือ พ.ศ.2534 รัฐบาลได้ประกาศขยายความครอบคลุมงานด้านวรรณกรรม
ที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
การนำไปเผยแพร่และการให้เช่า งานด้านสื่อภาพ เสียง (Visual – Sound –
Video) พระราชบัญญัติฉบับนี้ถูกใช้มาจนถึงปัจจุบันโดยเริ่มบังคับใช้ในวันที่
21 มีนาคม 2538
ภายใต้ความรับผิดชอบดูแลของกรมลิขสิทธิ์ทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ (Department
of Intellectual Property - DIP)
คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ถูกกำหนดนิยามเป็นชุดของคำสั่ง
หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้หรือได้ผลลัพธ์ใด ๆ ออกมา
ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ถือเป็นงานวรรณกรรม (Literacy) คล้าย ๆ กับหนังสือ
บทประพันธ์ บทบรรยาย การละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกลงโทษโดยการปรับ 20,000 ถึง 200,000 บาท หากละเมิดกระทำไปเพื่อหวังผลกำไร –
เป็นการค้า จะปรับ 100,000 ถึง 800,000 บาท หรือจำคุก 6 เดือนถึง 4
ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ การป้องกันสิทธิ์จะครอบคลุมตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์งานนั้น
ๆ บวก 50 ปี
การขอลิขสิทธิ์จะต้องจัดเตรียมหนังสือมอบอำนาจทำการแทน (ถ้ามี)
แบบฟอร์มคำร้องขอจำนวน 3 ชุด ชุดสิ่งประดิษฐ์ 2 ชุดหรือภาพถ่าย (ในกรณีมิอาจนำสิ่งของ – ผลงานมายื่นเสนอได้)
- ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์มีสัญชาติหรือเป็นพลเมืองของประเทศที่เป็นสมาชิกของกลุ่ม
ความตกลงกรุงเบริน (Berne Convention for Protection of Literacy and
Artistic Works) เช่น USA, UK, JAPAN
- งานนั้นได้จดสิทธิบัตรไว้ในประเทศที่เป็นสมาชิกของ
Berne หรือ TRIPs
(องค์กรต่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกอยู่ เช่น United
Nations – UN, WHO – World Health Organization) เป็นต้น
ผู้ละเมิดจะไม่มีความผิดหาก
- มิได้มีเจตนาเพื่อการค้าหรือแสวงหากำไร
- มิได้ล่วงล้ำสร้างความเสียหายที่รุนแรงใด ๆ ต่อเจ้าของลิขสิทธิ์
Nikon เปิดตัว D3400
Nikon เปิดตัว D3400
Nikon ได้เปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ D3400 ซึ่งเป็นรุ่นที่ต่อยอดจาก D3300
โดยรอบนี้เน้นฟีเจอร์ในด้านแบตเตอรี่ที่ใช้ถ่ายรูปได้ยาวนาน และการเชื่อมต่อผ่านระบบ
SnapBridge
สำหรับตัวเซนเซอร์ Nikon D3400 จะยังคงใช้เซนเซอร์แบบเดียวกับ D3300
คือเซนเซอร์แบบ APS-C CMOS ที่มี 24
ล้านพิกเซล โดยไม่มี low-pass filter อัดวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุด
1080p ที่ 60 ภาพต่อวินาที, ถ่ายภาพรัวได้สูงสุด 5 ภาพต่อวินาที, จอแสดงผลเป็นแบบ LCD ขนาด 921,000 พิกเซล, หน่วยประมวลผล ใช้ EXPEED 4, ระบบโฟกัสอัตโนมัติ 11 จุด, แบตเตอรี่เมื่อชาร์จเต็มสามารถถ่ายภาพได้
1,200 ภาพ
ในด้านการเชื่อมต่อ Nikon ได้ใส่ SnapBridge เข้ามาในตัวกล้อง
เพื่อทำให้สามารถเชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Bluetooth Low Energy (แต่ไม่มีตัวเลือก Wi-Fi ให้ใช้)
แต่ว่ามีฟีเจอร์บางอย่างใน D3300 ที่ถูกตัดออกจาก D3400 เช่นกัน ได้แก่ระบบการล้างเซนเซอร์แบบอัลตร้าโซนิก, ช่องสำหรับเชื่อมต่อไมโครโฟนภายนอก
นอกจาก Nikon D3400 แล้ว ทาง Nikon ก็ได้เปิดตัวเลนส์ใหม่อีกสองตัวด้วย
คือ AF-P DX NIKKOR 18-55mm F3.5-5.6G และ AF-P DX
NIKKOR 70-300mm F4.5-6.3G ED ซึ่งทั้งสองรุ่นก็จะมีตัวเลือกรุ่นย่อยคือมี
VR และไม่มี VR ให้
Nikon D3400 จะวางจำหน่ายในเดือนกันยายนนี้ โดยมีสองชุดคือ
- - บอดี้พร้อมเลนส์คิท AF-P DX Nikkor
18-55mm F3.5-5.6G VR จำหน่ายราคา 649.99
ดอลลาร์
- - บอดี้พร้อมเลนส์คิทสองตัว AF-P DX Nikkor
18-55mm F3.5-5.6G VR และ AF-P DX Nikkor 70-300mm F4.5-6.3G
ED ราคา 999.95 ดอลลาร์
ส่วนราคาจำหน่ายเลนส์คือ
- - AF-P DX NIKKOR 18-55mm F3.5-5.6G จำหน่ายราคา 199.95 ดอลลาร์ ส่วนรุ่นที่มี VR จำหน่ายราคา 249.95 ดอลลาร์
- - AF-P DX NIKKOR 70-300mm F4.5-6.3G ED จำหน่ายราคา 349.95
ดอลลาร์ ส่วนรุ่นที่มี VR จำหน่ายราคา 399.95
ดอลลาร์
Camorama กล้องแอ็คชั่น VR
Camorama กล้องแอ็คชั่น VR
รู้กันดีอยู่แล้วว่า เมื่อ Facebook หรือ Youtube
เริ่มมีการรองรับภาพถ่าย 360 องศา
เทรนด์การถ่ายภาพสไตล์ 360 หรือพาโนราม่า
จะต้องได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นแน่นอน และถ้าหากพูดถึงกล้องที่สามารถถ่ายภาพได้ 360 องศารอบตัว โดยไม่ต้องพึ่งเทคนิค หรือ แอพพลิเคชั่น ก็คงจะมีเพียงไม่กี่รุ่นที่เรารู้จักกันเท่านั้น
และในตอนนี้เราจะมาแนะนำ กล้องที่สามารถถ่ายภาพได้ 360 องศา คุณภาพสูงที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งาน
ที่หาได้ยากในท้องตลาดทั่วไป นั่นคือ Camorama กล้องแอ็คชั่น
VR ถ่ายได้ 360 องศา
ที่มีความสามารถในการถ่ายภาพวีดีโอที่ความคมชัดสูงสุดถึง 4K
พูดถึงในเรื่องความสามารถเด่นของกล้อง Camorama กันไปแล้ว
มาถึงความสามารถอื่นๆ กันบ้าง อย่างการที่มันมี Wi-Fi ในตัวทำให้สามารถทำการเชื่อมต่อเข้ากับ
แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนทั้งในระบบ Android และ iOS เพื่อทำการส่งรูป หรือ เป็นรีโมทควบคุมการทำงานได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ Wi-Fi บนกล้อง Camorama ไม่ได้มีดีเพียงแค่เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นเพื่อส่งรูปภาพเพียงอย่างเดียว
แต่มันยังสามารถแชร์วีดีโอเหล่านั้นผ่านสื่อโซเชียลอย่าง Facebook หรือ Youtube ได้ทันที
หรือถ้าหากว่าใครต้องการที่จะเผยแพร่ภาพสดๆ (Livestream) ก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน
และถ้าหากใครที่สนใจ Camorama กล้องถ่ายภาพ 360
องศาคุณภาพสูง ก็สามารถเข้าไปดู
หรือติดตามได้ผ่านทางเว็บไซต์ระดมทุน Kickstarter ได้เลย
แต่ถ้าหากใครที่ต้องการซื้อของที่รวดเร็วแล้ว ทาง Thaiware ของเราก็มีกล้องถ่ายภาพ
RICOH THETA S Camera 360 ที่มีคุณภาพดีไม่แพ้กัน
มาให้คุณได้เข้ามาซื้อ หรือสอบถามกันสบายๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าใครสนใจก็สามารถคลิกที่นี่ได้เลย >>Shop
Thaiware<<
การดูแลรักษา Notebook ที่ดี 10 ประการ
การดูแลรักษา Notebook ที่ดี 10 ประการ
1. อย่าใช้งานนานเกินไป
เนื่องจากโน้ตบุ๊คมีพื้นที่ในการระบายความร้อนค่อนข้างจำกัด
แม้ในปัจจุบันผู้ผลิตโน้ตบุ๊คจะติดตั้งระบบพัดลมระบาย
ความร้อนที่มีประสิทธิภาพแล้วก็ตาม
แต่ก็ยังมีความร้อนบางส่วนสะสมอยู่ในภายในเครื่องได้ ซึ่งความร้อนเหล่านี้อาจส่งผล
ให้การทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในเครื่องมีอายุการใช้งานสั้นลงได้
หากใช้โน้ตบุ๊คไประยะหนึ่ง ประมาณ 5-6 ชั่วโมง
หรือรู้สึกว่าตัวเครื่องมีความร้อนสูงพอสมควรแล้ว
เราก็ควรปิดเครื่องเพื่อเป็นการพักเครื่องสักระยะหนึ่งก่อนแล้วจึงเปิด
ใช้งานใหม่อีกครั้ง น่าจะเป็นการใช้งานที่เหมาะสมกว่า
หรือถ้าท่านมีความจำเป็นที่ต้องใช้งานยาวนานติดต่อกันเป็นประจำ
และอยากที่จะดุแลรักษาโน๊ตบุ๊คของท่านไปนานเท่าที่จะทำได้
เพราะแต่ล่ะเครื่องกว่าจะได้มาเลือดตาแทบกระเด็น อิอิ ท่านอาจจะใช้ตัวระบายความร้อนแบบรองใต้ตัว
โน๊ตบุ๊คแถมมีพัดลมระบายความร้อยอีกต่างหาก มีไฟด้วย หรูหราไฮโซมาก ดังรูปเลย
ราคาก็แล้วแต่ความหรูหรา ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 100 กว่าบาทถึง300-400ครับ หรือถ้าหากว่าใช้แบบเรียบง่ายแบบเศรษฐกิจพอเพียงละก็ขอแนะนำวิธีการประหยัดและใช้ง่ายได้ดีเหมือนกัน
ท่านอาจใช้ยางรองขาตู้ หรือ โต๊ะ ตามรูปเลยครับ หาซื้อได้ตามโฮมโปร โฮมเวิร์ค
และที่อื่นๆที่จะสรรหามาได้ ในราคา 4 ตัว ไม่ถึง 50 บาท มารองทั้ง 4 มุม
ของโน๊ตบุ๊คก็ใช้งานได้เหมือนกัน
2. การกระทบกระเทือนเป็นศัตรูตัวฉกาจของโน้ตบุ๊ค
เมื่อมีความจำเป็นต้องพกพาโน้ตบุ๊คไปไหนด้วย
การใส่โน้ตบุ๊คไว้ในกระเป๋าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันโน้ตบุ๊คจากการ
กระทบกระเทือน การกดทับก็เช่นกัน มีผู้ใช้บางรายใส่โน้ตบุ๊คไว้ในกระเป๋าเดินทาง
ซี่งอาจทำให้กระเป๋าของเราถูกวางซ้อนจาก กระเป๋าใบอื่นได้ หรืออาจถูกจับโยนจนทำให้จอภาพแตกได้
หากนำไปเข้าศูนย์ แม้จะอยู่ในระยะเวลารับประกันก็ไม่สามารถเคลม ประกันได้
เพราะไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของตัวสินค้า
ดังนั้นเวลาเดินทางควรเก็บโน้ตบุ๊คในกระเป๋าถือที่อยู่กับตัวตลอด เวลาดีกว่า
3. แบ็คอัพข้อมูลไว้ก่อน
เนื่องจากอาจมีความบกพร่องทางฮาร์ดแวร์ที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ
และไวรัสที่อาจเข้าทำลายข้อมูล ดังนั้นการแบ็คอัพข้อมูล
หรือทำการสำรองข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง
4. ไม่ควรเสียบชาร์จแบตเตอรี่ตลอดเวลา
เราควรใช้แบตเตอรี่ให้หมดก่อนจึงจะชาร์จใหม่
เพื่อเป็นการยืดอายุดการใช้งานของแบตเตอรี่ หรือบางรุ่นก็แนะนำว่าทุก 2-3 เดือน ให้ใช้แบตเตอรี่จนหมดหรือเกือบหมดสักครั้งก่อนจะชาร์จใหม่
และสิ่งที่เกี่ยวข้องที่ขาดได้ไม้เลยก็คือ อแดปเตอร์ อย่างแรกคือปลั๊กของอแดปเตอร์
ซึ่งหลายท่านอาจจะมองข้ามไป แค่เสียบติดเป็นอันว่าใช้ได้นั้น บางครั้งไม่ใช่แค่นั้น
การเสียบเข้ากับปลั๊กไฟต่างๆตามบ้านหรือตามสำนักงานนั้น
ถ้าหากว่าเราเสียบไม่แน่นหรือว่าปลั๊กที่จ่ายไฟมีลักษณะหลวม ก็อาจเป็นสาเหตุให้
อแดปเตอร์ของเราพังได้ง่ายๆเช่นกันถึงแม้จะเป็นของใหม่
เพราะว่าการที่เราเสียบไม่แน่นทำให้เกิดการสปาร์คที่ปลั๊กไฟ และเกิดไฟกระชาก
อาจทำให้ฟิวส์ภายในอแดปเตอร์ขาดหรืออุปกรณ์อื่นๆพังได้ในทันที อีกอย่างเกี่ยวกับ
อแดปเตอร์
ส่วนมากสายฝั่งที่เสียบเข้ากับโน๊ตบุ๊คนั้นมักจะเป็นสายเส้นเล็กและขาดได้ง่ายเนื่องจากการใช้งานที่ไม่ระวังเช่นเวลาเก็บสายมักจะดึงสายจากออกจากโน๊ตบุ๊ดแล้วท่านก็ดึงอแดปเตอร์ที่วางอยู่กับพื้นโดยใช้สายของมันเองดึงขึ้นมาน้ำหนักของอแดปเตอร์เมื่อดึงสายบ่อยๆอาจทำให้สายเริ่มขาดได้บริเวณอแดปเตอร์
วิธีการที่จะช่วยป้องกันได้โดยอาจใช้เทปพันสายไฟหรือเทปผ้าติดสันปก
พันสายรวมเข้ากับตัวอแดปเตอร์จะช่วยป้องกันสายขาดบริเวณขั้วอแดปเตอร์ได้
5.บำรุงรักษาจอ LCD
หลีกเลี่ยงการใช้นิ้วหรือของแข็งสัมผัสหน้าจอ
เนื่องจากโครงสร้างภายในของจอ LCD ประกอบด้วยชั้นแก้วบางๆ
ผลึกคริสตัลเหลว และชั้นโพลาไลซ์กรองแสง ทำให้จอ LCD เป็นจอภาพที่ค่อนข้างบอบบางต่อการกระทบกระเทือน
และแรงกด จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้นิ้วมือหรือของแข็ง ทำความสะอาดจอภาพอย่างถูกวิธี
โดยหาซื้อน้ำยาและผ้าที่ใช้สำหรับทำความสะอาดหน้าจอโดยเฉพาะ หรือถ้าไม่อยาก
เสียเงิน จะใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ (เอาแค่ชื้น ๆ อย่าให้น้ำหยดเด็ดขาด)
มาเช็ดทำความสะอาดหน้าจอก็ได้ โดยการเช็ด ทำความสะอาด ควรเช็ดอย่างเบามือที่สุด
และเช็ดไปในทางเดียวกัน ห้ามเช็ดแบบหมุนวนเด็ดขาด เพราะอาจสร้างรอย
ขีดข่วนให้กับจอภาพได้ !!!! ห้ามฉีดน้ำหรือน้ำยาลงบนจอภาพโดยเด็ดขาด
ควรฉีดน้ำหรือน้ำยาทำความสะอาดลงบนผ้าก่อนแล้วจึงนำไปเช็ด
เพราะหยดหรือละอองน้ำอาจหลุดเข้าไปในช่องลำโพง คีย์บอร์ด และข้อต่อต่างๆ
อันอาจส่งผลให้เครื่องเสียหายได้ !!!!
6. ทำความความสะอาดโน๊ตบุ๊คอยู่เสมอ
เนื่องจากโน้ตบุ๊คเป็นอุปกรณ์ที่มีซอกมีมุมที่ฝุ่นผงมีโอกาสเข้าไปสะสมได้อยู่เสมอ
ๆ ไม่ว่าจะเป็นแป้นคีย์บอร์ด ช่องลำโพง หรือข้อต่อต่าง ๆ เป็นต้น
อุปกรณ์เสริมที่คุณควรมีก็คือ น้ำยาทำความสะอาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แปรงเล็กๆ
หรือหาเครื่อง ดูดฝุ่นขนาดเล็กสักเครื่องไว้ใช้ก็ดี
7. หลีกเลี่ยงสิ่งสกปรก
ขณะใช้โน้ตบุ๊ค เราไม่ควรนำอาหาร น้ำดื่ม
เข้ามารับประทานหรือวางใกล้โน้ตบุ๊ค ทั้งนี้เพราะความชื้นรวมถึงเศษอาหาร
อาจหลุดเข้าไปทำความเสียหายให้โน้ตบุ๊คได้
9. หลีกเลี่ยงแผ่นดิสก์ที่ไม่สมบูรณ์
เพราะอาจทำให้ไม่สามารถนำแผ่นดิสก์ออกจากไดรว์ไม่ได้
10. อย่าซน
ไม่ควรถอดหรือแคะแกะชิ้นส่วนต่าง ๆ
ของโน้ตบุ๊คโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เครื่องเสียหายและหมดประกันได้
ถ้าหากโน้ตบุ๊คมีปัญหาควรส่งศูนย์ซ่อมทันที ไม่ควรพยายามแก้ไขเครื่องด้วยตนเอง
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2559
Oculus Rift
What
is Oculus Rift?
The
Oculus Rift is a virtual reality headset developed and manufactured by Oculus
VR, released on March 28, 2016.
Oculus
proposed a Kickstarter campaign in 2012 to fund the Rift's development, after
being founded as an independent company two months prior. The project proved
successful, raising US$2.5 million from the campaign for the development of the
product. In March 2014, Facebook purchased Oculus for $2 billion.
The
Rift has gone through various pre-production models since the Kickstarter
campaign, around five of which were demonstrated to the public. Two of these
models were shipped to backers, labelled as 'development kits'; the DK1 in late
2012 and DK2 in mid 2014, to give developers a chance to develop content on
time for the Rift's release. However, both were also purchased by a large
number of enthusiasts who wished to get an early preview of the technology.[3]
The
Rift has an OLED display, 1080×1200 resolution per eye, a 90 Hz refresh rate,
and 110° field of view. It has integrated headphones which provide a 3D audio
effect, rotational and positional tracking. The positional tracking system,
called "Constellation", is performed by a USB stationary infrared
sensor that is picking up light that is emitted by IR LEDs that are integrated
into the hmd. The sensor normally sits on the user's desk. This creates 3D
space, allowing for the user to use the Rift while sitting, standing, or
walking around the same room.
Step
into Rift
Rift
is unlike anything you’ve ever experienced. Whether you’re stepping into your
favorite game, watching an immersive VR movie, jumping to a destination on the
other side of the world, or just spending time with friends in VR, you’ll feel like
you’re really there.
Seeing is
believing
Rift
uses state of the art displays and optics designed specifically for VR. Its
high refresh rate and low-persistence display work together with its custom
optics system to provide incredible visual fidelity and an immersive, wide
field of view.
The magic of
presence
Rift’s
advanced display technology combined with its precise, low-latency
constellation tracking system enables the sensation of presence – the feeling
as though you’re actually there. The magic of presence changes everything.
You’ve never experienced immersion like this.
Advanced and
refined design
From
the moment you pick up Rift, you’ll feel and see the attention to detail that
went into its design and construction. Customizable, comfortable, adaptable,
and beautiful, Rift is technology and design as remarkable as the experiences
it enables.
Quote :
https://www.youtube.com/watch?v=8dVVcLch1_Q
https://www3.oculus.com/en-us/rift/
https://en.wikipedia.org/wiki/Oculus_Rift
https://www.google.co.th/search?
Quote :
https://www.youtube.com/watch?v=8dVVcLch1_Q
https://www3.oculus.com/en-us/rift/
https://en.wikipedia.org/wiki/Oculus_Rift
https://www.google.co.th/search?
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)